ชัยชนะเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ตัดผ่าน มาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากจะทำให้พวกเขาไม่ไยดีช่องว่างห่าง อันดับสอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 12 คะแนนเต็มๆเข้าไปแล้ว ยังมีประเด็นน่าสนใจคือเรื่อง sbobet ของไรอัน กิ๊กส์ มิดฟิลด์วัย 38 ปีของทีมที่ทำสถิติน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
ในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้พักตัวหลักเยอะแยะคน และส่งกิ๊กส์ลงสนามในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้าย
กิ๊กส์ยิงประตูได้ในนาทีที่ 13 ของเกม ซึ่งประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นเดี่ยวในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้ทุกฤดูกาลตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมา 21 ปี
ฟุตบอลอังกฤษ เปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 เดิมมาเป็นพรีเมียร์ลีกอย่างในปัจจุบัน ตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 ซึ่งกิ๊กส์ในวัย 19 ปี ตอนนั้นก็ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
กิ๊กส์ ยิงไป 9 ลูกในซีซั่นแรกของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่จะยิงมาเป็นน้ำทุกซีซั่นมากบ้าง น้อยบ้าง โดยปีที่เขายิงได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียวคือ ในซีซั่น 1993-1994 ที่ยิงไป 13 ลูก
ถึงแม้จะมีอายุมากขึ้น แต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ให้โอกาสกิ๊กส์ลงสนามหญ้าอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งที่กิ๊กส์ตอบแทนก็คือการยิงประตูได้ทุกครั้งที่ได้รับโอกาส
รวมจำนวนประตูทั้งหมด ที่กิ๊กส์ยิงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีก เขายิงไปได้ถึง 113 ลูก โดยแบ่งเป็น ในพรีเมียร์ลีก 108 ลูก และเป็นในดิวิชั่น 1 เดิม 5 ลูก
ใน 108 ลูกของไรอัน กิ๊กส์ แบ่งเป็นการยิงด้วยเท้าซ้าย 81 ลูก เท้าขวา 15 ลูก และเป็นลูกโหม่ง 12 ลูก
ขณะที่ระยะในการยิงประตู จากทั้งหมด 108 ลูก กิ๊กส์เข้าชาร์จในกรอบ 6 หลา 14 ลูก ยิงในกรอบเขตโทษ 72 ลูก และยิงจากนอกเขตโทษ 22 ลูก
นอกจากนั้นใน 108 ลูก แบ่งเป็นลูกยิงจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ 91 ลูก ยิงไดเร็กต์ฟรีคิก 7 ลูก เข้าชาร์จลูกเตะมุม 5 ลูก เข้าชาร์จลูกฟรีคิก 3 ลูก และจุดโทษอีก 2 ลูก
ใน 108 ลูก น่าสนใจตรงที่ เป็นการยิงในโอลด์แทรฟฟอร์ด 50 ลูกเท่านั้นซึ่งไรอัน กิ๊กส์ สามารถรัวกระสุนได้ในฐานะผู้เล่นทีมเยือนถึง 58 ลูก มากกว่าการยิงในบ้านถึง 8 ลูกเลยทีเดียว
จริงอยู่ สำหรับจำนวนตัวเลข 108 ลูก อาจไม่ถือว่ามากมายนัก เนื่องจากมีนักเตะRed Devilsหลายคน ที่ยิงประตูได้มากกว่านี้ในลีก ไม่ว่าจะเป็นเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน,เดนนิส ลอว์,จอร์จ เบสต์ หรือแม้กระทั่งเวย์น รูนี่ย์
แต่อย่างไรก็ตาม สถิติการยิงประตูต่อเนื่องมายี่สิบสามปีติดต่อกัน เป็นสิ่งที่ไม่มีตำนานคนไหนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคยทำได้ ซึ่งเราก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายสถิติของไรอัน กิ๊กส์จะไปหยุดลงที่ตรงไหน และเขาจะทำลายสถิติใหม่ๆอะไรอีกหรือไม่
อ่านต่อ >>> Click
ในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้พักตัวหลักเยอะแยะคน และส่งกิ๊กส์ลงสนามในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้าย
กิ๊กส์ยิงประตูได้ในนาทีที่ 13 ของเกม ซึ่งประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นเดี่ยวในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้ทุกฤดูกาลตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมา 21 ปี
ฟุตบอลอังกฤษ เปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 เดิมมาเป็นพรีเมียร์ลีกอย่างในปัจจุบัน ตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 ซึ่งกิ๊กส์ในวัย 19 ปี ตอนนั้นก็ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
กิ๊กส์ ยิงไป 9 ลูกในซีซั่นแรกของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่จะยิงมาเป็นน้ำทุกซีซั่นมากบ้าง น้อยบ้าง โดยปีที่เขายิงได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียวคือ ในซีซั่น 1993-1994 ที่ยิงไป 13 ลูก
ถึงแม้จะมีอายุมากขึ้น แต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ให้โอกาสกิ๊กส์ลงสนามหญ้าอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งที่กิ๊กส์ตอบแทนก็คือการยิงประตูได้ทุกครั้งที่ได้รับโอกาส
รวมจำนวนประตูทั้งหมด ที่กิ๊กส์ยิงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีก เขายิงไปได้ถึง 113 ลูก โดยแบ่งเป็น ในพรีเมียร์ลีก 108 ลูก และเป็นในดิวิชั่น 1 เดิม 5 ลูก
ใน 108 ลูกของไรอัน กิ๊กส์ แบ่งเป็นการยิงด้วยเท้าซ้าย 81 ลูก เท้าขวา 15 ลูก และเป็นลูกโหม่ง 12 ลูก
ขณะที่ระยะในการยิงประตู จากทั้งหมด 108 ลูก กิ๊กส์เข้าชาร์จในกรอบ 6 หลา 14 ลูก ยิงในกรอบเขตโทษ 72 ลูก และยิงจากนอกเขตโทษ 22 ลูก
นอกจากนั้นใน 108 ลูก แบ่งเป็นลูกยิงจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ 91 ลูก ยิงไดเร็กต์ฟรีคิก 7 ลูก เข้าชาร์จลูกเตะมุม 5 ลูก เข้าชาร์จลูกฟรีคิก 3 ลูก และจุดโทษอีก 2 ลูก
ใน 108 ลูก น่าสนใจตรงที่ เป็นการยิงในโอลด์แทรฟฟอร์ด 50 ลูกเท่านั้นซึ่งไรอัน กิ๊กส์ สามารถรัวกระสุนได้ในฐานะผู้เล่นทีมเยือนถึง 58 ลูก มากกว่าการยิงในบ้านถึง 8 ลูกเลยทีเดียว
จริงอยู่ สำหรับจำนวนตัวเลข 108 ลูก อาจไม่ถือว่ามากมายนัก เนื่องจากมีนักเตะRed Devilsหลายคน ที่ยิงประตูได้มากกว่านี้ในลีก ไม่ว่าจะเป็นเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน,เดนนิส ลอว์,จอร์จ เบสต์ หรือแม้กระทั่งเวย์น รูนี่ย์
แต่อย่างไรก็ตาม สถิติการยิงประตูต่อเนื่องมายี่สิบสามปีติดต่อกัน เป็นสิ่งที่ไม่มีตำนานคนไหนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเคยทำได้ ซึ่งเราก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายสถิติของไรอัน กิ๊กส์จะไปหยุดลงที่ตรงไหน และเขาจะทำลายสถิติใหม่ๆอะไรอีกหรือไม่
อ่านต่อ >>> Click